Search
|
detail
logo

ทำไมเราควรกินน้ำมันหลากหลายสลับสับเปลี่ยนกันไป?

shareshareshare

น้ำมันแต่ละชนิดมีสัดส่วนของกรดไขมันที่แตกต่างกัน เช่น บางชนิดอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFAs) อย่างน้ำมันมะกอก บางชนิดมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFAs) สูงอย่างน้ำมันดอกทานตะวัน หรือบางชนิดมีไขมันอิ่มตัวสายกลางอย่างน้ำมันมะพร้าว การบริโภคน้ำมันชนิดเดียวเป็นประจำอาจทำให้ร่างกายได้รับกรดไขมันบางชนิดมากเกินไป หรือขาดกรดไขมันที่จำเป็นบางชนิดไป


การสลับใช้น้ำมันประเภทต่างๆ จะช่วยให้ร่างกายได้รับกรดไขมันและสารอาหารที่หลากหลายครบถ้วน เช่น การใช้น้ำมันมะกอกสำหรับสลัดหรือการผัดไฟอ่อนเร็วๆ สลับกับการใช้น้ำมันรำข้าวสำหรับการทอดที่ต้องการความร้อนสูง สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมให้ดียิ่งขึ้น การมีความรู้เกี่ยวกับน้ำมันทำอาหารและนำไปปรับใช้ในการบริโภคประจำวัน จะช่วยให้คุณสามารถเลือกสิ่งที่เหมาะสมและช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายด้านสุขภาพของคุณ



ข้อควรพิจารณาในการเลือกใช้น้ำมันทำอาหาร

  1. จุดเกิดควัน (Smoke Point) อุณหภูมิที่น้ำมันเริ่มสลายตัวและเกิดควัน การใช้น้ำมันเกินจุดเกิดควันจะทำให้เกิดสารประกอบที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ควรเลือกน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูงสำหรับการทอดและน้ำมันที่มีจุดเกิดควันต่ำสำหรับการทำน้ำสลัดหรือการปรุงอาหารที่ไม่ใช้ความร้อนสูง

  2. องค์ประกอบของกรดไขมัน:
    • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFAs) และเชิงซ้อน (PUFAs) เป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ
    • ไขมันอิ่มตัว ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ
    • สารต้านอนุมูลอิสระ น้ำมันบางชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ


  1. ตัวอย่างน้ำมันประกอบอาหารและจุดเด่นของแต่ละชนิด

    ประเภทน้ำมัน

    เหมาะกับการทำอาหารประเภท

    จุดเด่น

     

    ผัด

    ทอด

    น้ำสลัด

     

    น้ำมันมะกอก

     

    อุดมด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะกรดโอเลอิก ซึ่งอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) [1]

    สารต้านอนุมูลอิสระสูง มีโพลีฟีนอลและวิตามินอี ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด [2]

    เลือกซื้อน้ำมันมะกอกได้ที่นี่

    น้ำมันคาโนล่า

     

     

    ไขมันอิ่มตัวต่ำ มีโอเมก้า-3 สูง และมีอัตราส่วนโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ที่สมดุล [3]

    เลือกซื้อน้ำมันคาโนล่าได้ที่นี่

    น้ำมันดอกทานตะวัน

     

     

    อุดมด้วยวิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องเซลล์ [4]

    มีสองประเภทหลัก:

    • High-linoleic sunflower oil มีกรดไลโนเลอิก (กรดไขมันโอเมก้า-6) สูง เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่ใช้ความร้อนสูง
    • High-oleic sunflower oil มีกรดโอเลอิก (MUFAs) สูง ซึ่งมีความเสถียรต่อความร้อนมากกว่า สามารถใช้ทอดได้ [5]

    เลือกซื้อน้ำมันเมล็ดทานตะวันได้ที่นี่

    น้ำมันมะพร้าว

     

     

    มีกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง (Medium-Chain Triglycerides - MCTs) เช่น กรดลอริก (lauric acid) ซึ่งร่างกายสามารถเผาผลาญเป็นพลังงานได้เร็วกว่า [6]

    กรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติต้านแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา [7]

    เลือกซื้อน้ำมันมะพร้าวได้ที่นี่

    น้ำมันรำข้าว

     

    อุดมด้วยแกมมา-ออไรซานอล เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและ LDL [8]

    มีวิตามินอีและไฟโตสเตอรอล อาจช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้ [9]

    เลือกซื้อน้ำมันรำข้าวได้ที่นี่

    น้ำมันปาล์ม

     

     

    ทนความร้อนสูง มีจุดเกิดควันสูง ทำให้เหมาะสำหรับการทอดที่อุณหภูมิสูงและอาหารที่ต้องการความกรอบ [10].

    ราคาไม่แพง: เป็นน้ำมันที่ผลิตได้ในปริมาณมาก ทำให้มีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

    เลือกซื้อน้ำมันปาล์มได้ที่นี่

    น้ำมันถั่วเหลือง

     

     

    เป็นแหล่งของโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 มีกรดไขมันจำเป็นทั้งสองชนิดในสัดส่วนที่เหมาะสม [11]

    เป็นน้ำมันที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีราคาไม่แพงและมีคุณสมบัติที่หลากหลายในการปรุงอาหาร

    เลือกซื้อน้ำมันถั่วเหลืองได้ที่นี่

    น้ำมันข้าวโพด

     

    อุดมด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFAs) โดยเฉพาะกรดไลโนเลอิก (โอเมก้า-6) [13]

    มีวิตามินอีและไฟโตสเตอรอล ซึ่งอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล [14]

    เลือกซื้อน้ำมันข้าวโพดได้ที่นี่

    น้ำมันเมล็ดคามีเลีย

    อุดมด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFAs) โดยเฉพาะกรดโอเลอิก (โอเมก้า-9) ซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ [15]

    มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอลและวิตามินอี [16]

    เลือกซื้อน้ำมันเมล็ดคามีเลียได้ที่นี่

    น้ำมันหมู

     

    ให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ นิยมใช้ในการทำอาหารที่ต้องการรสชาติแบบดั้งเดิม เช่น การทอด การผัด หรือการทำขนมบางชนิด [17]

    มีไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว องค์ประกอบของไขมันในน้ำมันหมูจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอาหารที่หมูกิน [18]

    เลือกซื้อน้ำมันหมูได้ที่นี่

     

  2. บริโภคอย่างพอเหมาะ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

    แม้ว่าน้ำมันบางชนิดจะมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ น้ำมันทุกชนิดให้พลังงานสูง การบริโภคน้ำมันในปริมาณมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันชนิดใดก็ตาม อาจนำไปสู่การได้รับพลังงานส่วนเกินและเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ เช่น น้ำหนักเกิน โรคอ้วน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ

    ดังนั้น การควบคุมปริมาณการใช้น้ำมัน จึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการปรุงอาหารด้วยวิธีต้ม นึ่ง อบ ย่าง แทนการทอดเป็นหลัก หรือการลดปริมาณน้ำมันที่ใช้ในการผัด การใส่ใจในปริมาณที่เหมาะสมควบคู่ไปกับการเลือกใช้น้ำมันที่หลากหลาย จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดีในระยะยาว




  3. References:

    [1] Estruch, R., et al. (2018). Primary Prevention of Cardiovascular Disease with a Mediterranean Diet Supplemented with Extra Virgin Olive Oil or Nuts. New England Journal of Medicine, 378(25), 2359-2368.

    [2] Cicerale, S., et al. (2009). Biological activities of phenolic compounds present in virgin olive oil. Environmental Toxicology and Pharmacology, 27(1), 1-13.

    [3] O’Brien, R. D. (2009). Fats and Oils: Formulating and Processing for Applications. CRC press. 

    [4] Traber, M. G., & Atkinson, J. (2007). Vitamin E, antioxidant and co-antioxidant. Free Radical Biology and Medicine, 43(1), 4-13. (ข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของวิตามินอี)

    [5] Sacks, F. M., et al. (2005). Effects of an oleic-acid-rich sunflower oil on serum lipids and lipoproteins in healthy men. Metabolism, 54(9), 1147-1150.

    [6] St-Onge, M. P., & Jones, P. J. H. (2002). Physiological effects of medium-chain triglycerides: potential applications in energy metabolism and their prophylactic and therapeutic implications in human nutrition. British Journal of Nutrition, 87(5), 457-469.

    [7] Ameena, M., et al. (2024). Biomedical applications of lauric acid: a narrative review. Cureus 16(6).

    [8] Rukmini, C., & Raghuram, T. C. (1991). Nutritional and biochemical aspects of the hypolipidemic effect of rice bran oil. Journal of the American College of Nutrition, 10(6), 596-601.

    [9] Akihisa, T., et al. (2000). Sterol composition of rice bran oil and its relationship to the hypocholesterolemic effects of rice bran oil. Lipids, 35(10), 1109-1115.

    [10] Sambanthamurthi, R., Sundram, K., & Tan, Y. A. (2000). Chemistry and biochemistry of palm oil. Progress in Lipid Research, 39(6), 507-558.

    [11] Liu, K. (1997). Soybeans: Chemistry, Technology, and Utilization. Chapman & Hall. (ข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบกรดไขมันของน้ำมันถั่วเหลือง)

    [12] Foster, R., Williamson, C. S., & Lunn, J. (2009). BRIEFING PAPER: Culinary oils and their health effects. Nutrition Bulletin, 34(1), 4-47.

    [13] Erickson, D. R. (1995). Corn Oil. In Bailey's Industrial Oil and Fat Products (Vol. 1, pp. 207-224). John Wiley & Sons.

    [14] Ostlund, R. E., Jr. (2002). Phytosterols in human nutrition. Annual Review of Nutrition, 22(1), 533-549.

    [15] Wang, Z., et al. (2010). Chemical composition and antioxidant activity of Camellia oleifera seed oil. Journal of the American Oil Chemists' Society, 87(10), 1193-1199.

    [16] Li, X., et al. (2015). Antioxidant activity of tea seed oil and its components. Food Chemistry, 180, 14-20.

    [17] McGee, H. (2004). On Food and Cooking: The Science and Lore of the Kitchen. Scribner.

    [18] Wood, J. D., & Enser, M. (1997). Factors influencing the fatty acid composition of pork. Livestock Production Science, 52(2), 117-128.